เมนู

ทั้งหลาย ธรรมทั้งปวงมีฉันทะเป็นทูล มีมนสิการเป็นแดนเกิด มี
ผัสสะเป็นสมุทัย มีเวทนาเป็นที่ประชุมลง มีสมาธิเป็นประมุข
มีสติเป็นใหญ่ มีปัญญาเป็นยิ่ง มีวิมุตติเป็นแก่น ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
เธอทั้งหลายถูกถามอย่างแล้ว พึงพยากรณ์แก่อัญญเดียรถีย์-
ปริพาชกเหล่านั้นอย่างนี้.
จบ มูลสูตรที่ 3

อรรถกถามูลสูตรที่ 3


มูลสูตรที่ 3

มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้.
บทว่า สพฺเพ ธมฺมา ได้แก่ ขันธ์ 5. บทว่า ฉนฺทมูลกา
ความว่า ชื่อว่า มีฉันทะเป็นมูล เพราะมีฉันทะคืออัธยาศัยและฉันทะ
คือความเป็นสู่ใคร่จะทำเป็นมูลของขันธ์ 5 นั้น. ชื่อว่ามีมนสิการเป็น
แดนเกิด เพราะเกิดแต่มนสิการ. ชื่อว่ามีผัสสะเป็นสมุทัย เพราะ
เกิด คือรวมเป็นกลุ่มผัสสะ ชื่อว่า มีเวทนาเป็นที่ประชุมลง
เพราะประชุมลงในเวทนา. ชื่อว่ามีสมาธิเป็นประมุข เพราะมี
สมาธิเป็นประธาน. ชื่อว่ามีสติเป็นใหญ่ เพราะมีสติเป็นอธิบดี
ด้วยอรรถว่าเจริญที่สุด อธิบายว่า มีสติเป็นหัวหน้า. ชื่อว่ามีปัญญา
เป็นยอด เพราะอรรถว่ามีปัญญาสูงสุด. ชื่อว่ามีวิมุตติเป็นแก่น
เพราะมีวิมุตติเป็นสาระ. ก็ในที่นี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสโลกิยธรรม
ทั้ง 4 มีฉันทะเป็นมูล เป็นต้น ที่เหลือตรัสคละกันทั้งโลกิยะและ
โลกุตตระแล.
จบ อรรถกถามูลสูตรที่ 3